วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมาของภาษา PHP

PHP เป็นภาษาจำพวก scripting language  คำสั่งต่างๆจะเก็บอยู่ในไฟล์ที่เรียกว่าสคริปต์ (script) และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปลชุดคำสั่ง ตัวอย่างของภาษาสคริปก็เช่น JavaScript, Perl เป็นต้น ลักษณะของ PHP ที่แตกต่างจากภาษาสคริปต์แบบอื่นๆ คือ PHP ได้รับการพัฒนาและออกแบบมา เพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML โดยสามารถ สอดแทรกหรือแก้ไขเนื้อหาได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงกล่าวว่า PHP เป็นภาษาที่เรียกว่า server-side หรือ HTML-embedded scripting language เป็นเครื่องมือที่สำคัญชนิดหนึ่ง ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเอกสารแบบ Dynamic HTML ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีลูกเล่นมากขึ้น
ถ้าใครรู้จัก Server Side Include (SSI) ก็จะสามารถเข้าใจการทำงานของ PHP ได้ไม่ยาก สมมุติว่า เราต้องการจะแสดงวันเวลาปัจจุบันที่ผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซด์ในขณะนั้น ในตำแหน่ง ใดตำแหน่งหนึ่งภายในเอกสาร HTML ที่เราต้องการ  อาจจะใช้คำสั่งในรูปแบบนี้ เช่น <!--#exec cgi="date.pl"--> ไว้ในเอกสาร HTML เมื่อ SSI ของ web server มาพบคำสั่งนี้ ก็จะกระทำคำสั่ง date.pl ซึ่งในกรณีนิ้ เป็นสคริปต์ที่เขียนด้วยภาษา perl สำหรับอ่านเวลาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วใส่ค่าเวลาเป็นเอาพุท (output) และแทนที่คำสั่งดังกล่าว ลงในเอกสาร HTML โดยอัตโนมัติ ก่อนที่จะส่งไปยังผู้อ่านอีกทีหนึ่ง
อาจจะกล่าวได้ว่า PHP ได้รับการพัฒนาขึ้นมา เพื่อแทนที่ SSI รูปแบบเดิมๆ โดยให้มีความสามารถ และมีส่วนเชื่อมต่อกับเครื่องมือชนิดอื่นมากขึ้น เช่น ติดต่อกับคลังข้อมูลหรือ database เป็นต้น
PHP ได้รับการเผยแพร่เป็นครั้งแรกในปีค.ศ.1994 จากนั้นก็มีการพัฒนาต่อมาตามลำดับ เป็นเวอร์ชั่น 1 ในปี 1995 เวอร์ชั่น 2 (ตอนนั้นใช้ชื่อว่า PHP/FI) ในช่วงระหว่าง 1995-1997 และเวอร์ชั่น 3 ช่วง 1997 ถึง 1999 จนถึงเวอร์ชั่น 4 ในปัจจุบัน
PHP เป็นผลงานที่เติบโตมาจากกลุ่มของนักพัฒนาในเชิงเปิดเผยรหัสต้นฉบับ หรือ OpenSource ดังนั้น PHP จึงมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Apache Webserver ระบบปฏิบัติอย่างเช่น Linux หรือ FreeBSD เป็นต้น ในปัจจุบัน PHP สามารถใช้ร่วมกับ Web Server หลายๆตัวบนระบบปฏิบัติการอย่างเช่น Windows 95/98/NT เป็นต้น
รายชื่อของนักพัฒนาภาษา PHP ที่เป็นแก่นสำคัญในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
  • Zeev Suraski, Israel
  • Andi Gutmans, Israel
  • Shane Caraveo, Florida USA
  • Stig Bakken, Norway
  • Andrey Zmievski, Nebraska USA
  • Sascha Schumann, Dortmund, Germany
  • Thies C. Arntzen, Hamburg, Germany
  • Jim Winstead, Los Angeles, USA
  • Rasmus Lerdorf, North Carolina, USA
เนื่องจากว่า PHP ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัว Web Server ดังนั้นถ้าจะใช้ PHP ก็จะต้องดูก่อนว่า Web server นั้นสามารถใช้สคริปต์ PHP ได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น PHP สามารถใช้ได้กับ Apache WebServer และ Personal Web Server (PWP) สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 95/98/NT
ในกรณีของ Apache เราสามารถใช้ PHP ได้สองรูปแบบคือ ในลักษณะของ CGI และ Apache Module  ความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า ถ้าใช้ PHP เป็นแบบโมดูล PHP จะเป็นส่วนหนึ่งของ Apache หรือเป็นส่วนขยายในการทำงานนั่นเอง ซึ่งจะทำงานได้เร็วกว่าแบบที่เป็น CGI เพราะว่า ถ้าเป็น CGI แล้ว ตัวแปลชุดคำสั่งของ PHP ถือว่าเป็นแค่โปรแกรมภายนอก ซึ่ง Apache จะต้องเรียกขึ้นมาทำงานทุกครั้ง ที่ต้องการใช้ PHP ดังนั้น ถ้ามองในเรื่องของประสิทธิ ภาพในการทำงาน การใช้ PHP แบบที่เป็นโมดูลหนึ่งของ Apache จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ต่อไปเราจะมาทำความรู้จักกับภาษา PHP และทำความเข้าใจการทำงาน รวมถึงคำสั่งพื้นฐานต่าง ๆ

การสแกนไวรัส

การสแกนไวรัส

การสแกนไวรัสเป็นกระบวนการตรวจสอบแฟ้มเพื่อดูว่ามีไวรัสที่เป็นที่รู้จักหรือไม่ การกำจัดไวรัสเป็นกระบวนการเอาไวรัสที่ตรวจพบออกจากแฟ้ม เพื่อให้สามารถนำแฟ้มนั้นไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย โปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกน (Scanning) เรียกว่า สแกนเนอร์ (Scanner) โดยจะมีการดึงเอาโปรแกรมบางส่วนของตัวไวรัสมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ส่วนที่ดึงมานั้นเราเรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (VirusSignature)และเมื่อสแกนเนอร์ถูกเรียกขึ้นมาทำงานก็จะเข้าตรวจหาไวรัสในหน่วยความจำ บูตเซกเตอร์และไฟล์โดยใช้ ไวรัสซิกเนเจอร์ที่มีอยู่ ข้อดีของวิธีการนี้ก็คือ เราสามารถตรวจสอบซอฟแวร์ที่มาใหม่ได้ทันทีเลยว่าติดไวรัสหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานตั้งแต่เริ่มแรก แต่วิธีนี้มีจุดอ่อนอยู่หลายข้อ คือ


ฐานข้อมูลที่เก็บไวรัสซิกเนเจอร์จะต้องทันสมัยอยู่เสมอ แลครอบคลุมไวรัสทุกตัว มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะสแกนเนอร์จะไม่สามารถตรวจจับไวรัสที่ยังไม่มี ซิกเนเจอร์ของไวรัสนั้นเก็บอยู่ในฐานข้อมูลได้ยากที่จะตรวจจับไวรัสประเภทโพลีมอร์ฟิก เนื่องจากไวรัสประเภทนี้เปลี่ยนแปลง ตัวเองได้จึงทำให้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้สามารถนำมาตรวจสอบได้ก่อนที่ไวรัส จะเปลี่ยนตัวเองเท่านั้น 
ถ้ามีไวรัสประเภทสทีลต์ไวรัสติดอยู่ในเครื่องตัวสแกนเนอร์อาจจะไม่สามารถ ตรวจหาไวรัสนี้ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและเทคนิคที่ใช้ของตัวไวรัสและ ของตัวสแกนเนอร์เองว่าใครเก่งกว่าเนื่องจากไวรัสมีตัวใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ ๆ ผู้ใช้จึงจำเป็นจะต้องหาสแกนเนอร์ ตัวที่ใหม่ที่สุดมาใช้ มีไวรัสบางตัวจะเข้าไปติดในโปรแกรมทันทีที่โปรแกรมนั้นถูกอ่าน และถ้าสมมติว่าสแกนเนอร์ที่ใช้ไม่สามารถตรวจจับได้ และถ้าเครื่องมีไวรัสนี้ติดอยู่ เมื่อมีการเรียกสแกนเนอร์ขึ้นมาทำงาน สแกนเนอร์จะเข้าไปอ่านโปรแกรมทีละโปรแกรม เพื่อตรวจสอบผลก็คือจะทำให้ไวรัสตัวนี้เข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมทุกตัวที่ถูก สแกนเนอร์นั้นอ่านได้สแกนเนอร์รายงานผิดพลาดได้ คือ ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้บังเอิญไปตรงกับที่มีอยู่ในโปรแกรมธรรมดาที่ไม่ได้ติดไวรัส ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ไวรัสซิกเนเจอร์ ที่ใช้มีขนาดสั้นไปก็จะทำให้โปรแกรมดังกล่าวใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
การสแกนไวรัสแบบออนไลน์ ก็เป็นที่นิยมในปัจจุบัน อย่างแรกคือฟรี อีกอย่างหนึ่งของการสแกนไวรัส ซึ่งมีข้อดีกว่าโปรแกรมสแกนไวรัส แบบเดิมๆค่อข้างมากด้วยความสามารถที่เหนือกว่าโปรแกรสแกนไวรัสทั่วไปโดยมีการอัพเดทฐานข้อมมูลแบบ real time จึงอาจเป็นตัวเลือกในการเลือกโปรแกรมสแกนไวรัสของหลายคน โดยแบ่งออกเป็นหลายบริษัทที่ผลิต อ่านต่อได้ที่สแกนไวรัส.com Scan Virus Online ฟรี

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เศรษฐกิจพอเพีย

1.ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ อะไร
         เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงชีวิต และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับตั้งแต่
ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน การพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนิน
ไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

2.เศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไร
         เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตัวเองได้
ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง (Self Sufficiency) อยู่ได้โดยไม่สร้าง
ความเดือดร้อนให้ตนเอง และผู้อื่น ซึ่งต้องสร้างพื้นฐาน
ทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อนมีความพอกินพอใช้สามารถ
พึ่งพาตนเองได้ ย่อมสามารถ สร้างความเจริญก้าวหน้าและ
ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศได้
3.ใครที่สามารถนำเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติได
        เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปรัชญาที่ทุกๆ คน สามารถนำไปปฏิบัติ
ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวท่านเอง นักเรียน เกษตรกร ข้าราชการ
และประชาชนทั่วไป ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน สถาบันต่างๆ ทั้งนอกภาค
การเกษตรและในภาคการเกษตร สามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ดังกล่าวไปปฏิบัติ เพื่อดำรงชีวิตและพัฒนาธุรกิจการค้าได้จริง
4.หลักการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงต้องคำนึง
ถึงอะไรบ้าง
        การดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ
ทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงหลักการ 3 ประการ ดังนี้
          1.ความพอประมาณ
          2.ความมีเหตุผล
          3.การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
       โดยการดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ดีจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ความรู้ และคุณธรรม
ตลอดจนต้องเป็นคนดี มีความอดทน พากเพียร
        ความพอประมาณ
 หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจอย่าง
พอเพียงตามความสามารถ และศักยภาพของตนที่มีอยู่ และต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม
ตลอดจนพึงนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ
        การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
 เป็นการเตรียมความพร้อม ความรู้ ที่จะรับผลกระทบ และ
การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง
การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ท่านสามารถมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยร่วมปฏิบัติในสิ่งง่ายดังนี้
      1.ยึดหลักประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในทุกด้าน ลด ละ ความฟุ่มเฟื่อยในการดำรงชีวิต
      2.ประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพ
      3.ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ที่รุนแรงและไม่ถูกต้อง
      4.ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยขวนขวายหาความรู้ ให้เกิดรายได้เพิ่มพูน
        จนถึงขั้นพอเพียง
      5.ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป
5.การดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดผลอย่างไร
การดำเนินการพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจักนำไปสู่
      1.การดำรงชีวิตที่สมดุลมีความสุขตามอัตภาพ
      2.การพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองและประเทศชาติมั่นคง
      3.การอยู่ร่วมกันในสังคมเกิดวามเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
       นอกจากนี้ ปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ปฏิเสธการเป็นหนี้สิน การกู้ยืมเงิน
แต่เน้นการบริหารความเสี่ยง คือ แม้ว่าจะกู้ยืมเงินมาลงทุน ก็เพื่อดำเนินกิจการที่ไม่ก่อให้เกิด
ความเสี่ยงมากจนเกินไปแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามไม่ให้ลงทุนหรือขยายธุรกิจ
แต่เน้นให้ทำธุรกิจที่ไม่ให้เสี่ยงมากเกินไปควรลงทุนให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

วิธีเลือกซื้อโน๊ตบุค

วิธีเลือกซื้อโน๊ตบุค
ปัจจุบันมีครูหลายท่านต้องการซื้อโน๊ตบุคไว้ใช้งาน แต่ไม่ทราบว่า ควรจะซื้อโน๊ตบุคแบบใดดี  จึงขอให้คำแนะนำ  ดังนี้

1.โน๊ตบุครุ่นใหม่ หรือ มือหนึ่ง    

ควรมีฟังชัน(อุปกรณ์)การใช้งานดังนี้

1.1 ควรมีซีพียูความเร็วสูง  เช่น Core2Duo     Pentium Duo    Turion  ขึ้นไป
1.2 ควรมีฮาร์ดดิสก์ 160 GB(จิก) ขึ้นไป
1.3 ควรมีแรมหรือหน่วยความจำ  1 GHZ(จิก) ขึ้นไป
1.4 ควรมีกล้องจับภาพหน้าจอ หรือเว็บแคม (Web Camera)
1.5 ควรมีระบบไวเลสไว้รับอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless)
1.6 ควรมีระบบบลูธูทไว้รับสัญญาณไร้สาย (Bluetooth)
1.7 ควรมีจอแบบกระจก 14.1 นิ้วขึ้นไป
1.8 ควรมีระบบแลน 10/100/1000 Mbps
1.9 ควรมีราคา 20,000 ขึ้นไป
1.10 ควรมีแบตเตอรี่ใหม่ใช้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง
1.11 ต้องไม่มีจุดภาพเสียหรือจุดสีตาย (Dead Pixel) บนจอภาพ
1.12 ต้องมีระบบเสียงดี เสียงไม่แตก  มีลำโพงในตัว
1.13 ต้องมีแสงสว่างจากภาพสดใส  ชัดเจน มองดูไม่ปวดตา
1.14 คีย์บอร์ด  ควรมีที่วางนิ้วใหญ่พอเหมาะกับขนาดนิ้วมือ  วางนิ้วได้สะดวก  มีตัวอักษรชัดเจน
1.15 ควรมีตัวอักษรบนคีย์บอร์ดเป็นภาษาไทยและอังกฤษ ที่ไม่ใช้กระดาษสติกเกอร์ตัวอักษรติดแปะ   เพราะ ถ้าเป็นตัวกระดาษสติกเกอร์อักษรติดแปะ แสดงว่า เป็นโน๊ตบุคที่หิ้วเข้ามาจากต่างประเทศ  จะไม่มีการรับประกันจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย 
1.16 ควรมีการรับประกันจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย อย่างน้อย 1 ปี
1.17 ควรมีแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดครบถ้วน1.18 ควรมีกระเป๋า  แบตเตอรี   สายไฟ  อแดปเตอร์  ใหม่ทุกอย่าง
1.19 ควรมีใบรับประกันจากร้านค้าหรือบริษัท
1.20 ถ้าไม่มีแผ่นไดรเวอร์ให้  ก็ต้องแน่ใจว่า  ยังมีเว็บของบริษัทที่ผลิตโน๊ตบุควางไดรเวอร์ไว้ให้ดาวโหลด
1.21 ควรเลือกซื้อยี่ห้อที่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย เพราะหาร้านซ่อมได้ง่าย  เช่น  Acer  Asus  HP   Compaq  Dell  Lenovo   Viao
เป็นต้น
1.22 พอร์ตหรือช่องเสียบต่อเชื่อมอุปกรณ์ทุกช่อง  ต้องทำงานได้ดี  ควรทดสอบดูทุกช่อง  ก่อนเอาเครื่องออกจากร้าน
1.23 เวลาเปิดเครื่อง  ไม่ควรได้ยินเสียงผิดปกติขณะเครื่องทำงาน  เช่น  เสียงโลหะบางอย่างหมุน  เสียงแกร็กๆ จากภายในเครื่อง เป็นต้น
1.24 เวลาเปิดเครื่อง  ไม่ควรจะใช้เวลาบู๊ทนานจนเกินไป
1.25 เวลาคลิกที่เม้าส์สั่งทำงาน  เครื่องควรจะตอบสนองทันที  ไม่ชงัก  เรียกว่า  คลิกปุ๊ป ตอบสนองปั๊ปทันที ไม่ชักช้า  หรือคิดประมวลผลนานเกินไป  จนมีนาฬิกาทรายปรากฏขึ้น
1.26 เวลาเปิดเครื่อง  ไม่เกิดอาการค้าง หรือ แฮ้ง
1.27 ขณะใช้งาน  ต้องไม่มีกรอบแจ้ง ERROR ต่างๆ
1.28 ต้องแจ้งให้เจ้าของร้านติดตั้งโปรแกรมแบบสมบูรณ์ (Complete) คือ ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง   ไม่ควรติดตั้งแบบโกสท์ (Ghost) คือ ติดตั้งแบบเร่งด่วน ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่เกิน 15 นาที เพราะจะทำให้ได้โปรแกรมวินโดว์ที่ไม่สมบูรณ์  มีปัญหาในการใช้งาน  จนต้องกลับไปให้ช่างซ่อมใหม่ที่ร้านในไม่ช้า  แล้วท่านจะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกมาก
ถ้าทางร้านไม่ยอมทำให้  ก็ไม่ควรซื้อที่ร้านนั้น   เดินไปหาซื้อที่ร้านอื่นที่เขายอมทำให้จะดีกว่า
1.29 หาผู้รู้ไปช่วยซื้อให้   ถ้าท่านไม่มีความรู้เรื่องโน๊ตบุค  แล้วท่านจะไม่เสียใจ  เมื่อซื้อโน๊ตบุคที่ไม่มีคุณภาพตามที่ตั้งใจ  และไม่สมกับจำนวนเงินที่จ่ายไปด้วยราคาแพง
1.30 ไม่ควรเชื่อทุกอย่างที่พนักงานขายพูดแนะนำ  เพราะบางอย่างเขาก็พูดไม่ถูก  เพราะไม่รู้ความรู้จริงก็มี  ท่านต้องหาอ่านข้อมูลเรื่องโน๊ตบุคจากเว็บต่างๆไปล่วงหน้า  ก่อนตัดสินใจซื้อ


2.โน๊ตบุครุ่นเก่า หรือ มือสอง  

ควรมีฟังชัน  การใช้งานดังนี้

2.1 ควรมีซีพียูความเร็วสูง  เช่น  Pentium M  Centrino 1.5 GHz , Pentium Dual Core , Turion ขึ้นไป
2.2 ควรมีฮาร์ดดิสก์ 80 GB ขึ้นไป
2.3 ควรมีแรมอย่างน้อย 512 MB
2.4 ควรมีระบบไวเลส
2.5 ควรมีระบบแลน 10/100 Mbps
2.6 ควรมีระบบอินฟราเรดไว้รับสัญญาณไร้สาย
2.7 ควรมีจอขนาด 14.1 ขึ้นไป
2.8 ควรมีราคาไม่เกิน 15,000 บาท
2.9 ควรมีแบตเตอรีที่ใช้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
2.10 ต้องไม่มีจุดสีตาย (Dead Pixel) บนจอ
2.11 ต้องมีระบบเสียงดี  เสียงไม่แตก มีลำโพงในตัว
2.12 ต้องมีแสงสว่างจากจอภาพ สดใส ชัดเจน  มองดูไม่ปวดตา
2.13 ควรมีแผ่นไดรเวอร์  กระเป๋า  สายไฟ  อแดปเตอร์   แผ่นรีโคเวอร์(แผ่นโปรแกรมวินโดว์)  อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้
2.14 ไม่ควรมีอายุการใช้งานเกิน 2 ปี
2.15 ถ้าไม่มีแผ่นไดรเวอร์ให้  ก็ต้องแน่ใจว่า  ยังมีเว็บของบริษัทที่ผลิตโน๊ตบุควางไดรเวอร์ไว้ให้ดาวโหลด  เพราะถ้าโน๊ตบุคเก่าเกินไป 
บริษัทจะไม่มีไดรเวอร์วางไว้ให้ดาวโหลดจากเว็บ  เมื่อเครื่องมีปัญหาจะลงโปรแกรมใหม่ไม่ได้
2.16 ควรเลือกซื้อยี่ห้อที่ได้รับความเชื่อถือว่ามีคุณภาพทนทาน  เช่น Fujitsu    IBM   Lenovo   Dell  Toshiba   Acer   Asus  เป็นต้น
2.17 พอร์ตหรือช่องเสียบต่อเชื่อมอุปกรณ์ทุกช่อง  ต้องทำงานได้ดี
2.18 เวลาเปิดเครื่อง  ไม่ควรได้ยินเสียงผิดปกติขณะเครื่องทำงาน  เช่น  เสียงโลหะบางอย่างหมุน  เสียงแกร็กๆ จากภายในเครื่อง เป็นต้น
2.19 เวลาเปิดเครื่อง  ไม่ควรจะใช้เวลาบู๊ทนานจนเกินไป
2.20 เวลาคลิกที่เม้าส์สั่งทำงาน  เครื่องควรจะตอบสนองทันที  ไม่ชงัก  เรียกว่า  คลิกปุ๊ป ตอบสนองปั๊ปทันที ไม่ชักช้า  หรือคิดประมวลผลนานเกินไป  จนมีนาฬิกาทรายปรากฏขึ้น
2.21 เวลาเปิดเครื่อง  ไม่เกิดอาการค้าง หรือ แฮ้ง
2.22 หาผู้รู้ไปช่วยซื้อให้   ถ้าท่านไม่มีความรู้เรื่องโน๊ตบุค  แล้วท่านจะไม่เสียใจ  เมื่อซื้อโน๊ตบุคที่ไม่มีคุณภาพตามที่ตั้งใจ  และไม่สมกับจำนวนเงินที่จ่ายไปด้วยราคาแพง

วิธีลดภาวะโลกร้อน

การลดภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันทำ เราทุกคนก็ต่างมีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะเพียงแค่เราหายใจอยู่เฉยๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแล้ว ยังไม่รวมถึงกิจกรรมต่างๆมากมายที่เราทำอยู่ทุกๆวัน ถึงเวลาที่เราต้องเลิกคิดว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่ธุระของเรา แล้วหันมาร่วมมือกัน..มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาโลกร้อนกันเถอะ
ถ้าท่านคิดว่าการลดภาวะโลกร้อนนั้นมันทำได้ยาก หรือคิดว่าท่านคนเดียวช่วยโลกไม่ได้ หรือว่าจะทำตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว ท่านกำลังคิดผิด!! ทุกอย่างที่เราทำจะส่งผลดีต่อโลก และมันยังมีเวลาอยู่ ถ้าไม่เริ่มที่ตัวเราก่อนก็ไม่รู้จะให้ไปเริ่มจากตรงไหน แค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของเราทำอยู่ในวันๆหนึ่ง ก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ผมจะยกตัวอย่างให้ดูซัก 10 ข้อ ผมเชื่อว่ามันใกล้ตัวทุกท่านมาก และสามารถลงมือทำได้เลยด้วยซ้ำ
1. ปรับ Desktop Wallpaper ของท่านให้เป็นสำเข้ม ยิ่งเป็นสีดำเลยยิ่งดี เพราะว่ามันจะประหยัดไฟมากกว่า รวมไปถึง Screen Saver ก็ให้ตั้ง Blank ไว้ มันจะเป็นหน้าจอดำสนิท ปิดคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน เช่น ตอนพักเที่ยง และตอนกลับบ้าน
2. พกผ้าเช็ดหน้า แทนที่จะใช้กระดาษทิชชู สมัยนี้มีกระดาษทิชชูห่อสวยๆพกง่ายๆออกมา หลายคนใช้มันแทนผ้าเช็ดหน้า เพราะว่ามันสะดวกและห่อมันก็น่ารักด้วย แต่กระดาษทิชชูผลิตมาจากต้นไม้ ยิ่งใช้มากก็ยิ่งต้องตัดมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าดีกว่าครับ เก็บต้นไม้ไว้เป็นปอดให้กับโลกเราบ้างเถอะนะ
3. การชาร์ตแบตมือถือ การชาร์ตแบตมือถือของคนทั่วๆไปเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ถึง 95% เพราะว่ามักจะเสียบสายค้างไว้ทั้งๆที่แบตเต็มแล้ว ท่านรู้ไหมว่าถึงแบตจะเต็มแล้วแต่ว่าถ้าไม่ถอดออกมันก็จะยังกินไฟอยู่ ฉะนั้นเวลาแบตเต็มแล้วก็ให้ถอดสายออก แต่ถ้ายังเสียบหม้อแปลงกับเต้าเสียบค้างไว้มันก็ยังกินไฟอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ให้ถอดออกให้หมด
4. ประหยัดน้ำ อย่าใช้น้ำแบบสิ้นเปลือง ถ้ามีโอกาสได้เปลี่ยนก๊อกที่บ้าน ก็ให้ใช้ก๊อกน้ำแบบเพิ่มฟองอากาศ น้ำที่ไหลออกมาจะมีฟองอากาศออกมาด้วยทำให้ดูเหมือนมีน้ำเยอะ แต่จะประหยัดกว่าก๊อกธรรมดาถึงครึ่งหนึ่ง ถ้านึกไม่ออกให้ดูห้องน้ำตามห้าง น้ำที่ไหลออกมาจะเป็นแบบนั้น และเวลาใช้น้ำที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเราก็ควรจะประหยัดด้วย ไม่ใช่คิดว่าของฟรี หรือเวลาไปพักตามโรงแรมก็อย่าคิดว่าใช้ให้คุ้ม เพราะว่าทำแบบนี้แหละโลกถึงร้อน
5. ประหยัดไฟ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้และถอดปลั๊กด้วย รวมไปถึงหลอดไฟด้วย ถ้ามีโอกาสก็เปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดไฟ CFL ซะ ที่มันเป็นเกลียวๆ ถึงหลอดพวกนี้จะแพงกว่า แต่ก็ประหยัดไฟกว่ามาก แถมอายุการใช้งานก็ยาวกว่าเยอะ ซึ่งในระยะยาวก็จะคุ้มกว่าแน่นอน
6. ลดใช้ถุงพลาสติก ถุงพลาสติกทำให้เราสะดวกขึ้นก็จริง แต่มันเป็นภัยต่อโลกอย่างมากมาย กว่าถุงที่เราใช้จะย่อยสลายไป ตัวเรานั้นย่อยสลายก่อนมันไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ แต่ถ้าต้องใช้จริงๆก็ให้เก็บไว้เพื่อนำไปใช้ครั้งต่อไปได้อีก เวลาจ่ายตลาดก็ให้ใช้ถุงผ้าแทน ถุงผ้าสวยๆก็มีออกมาขายกันเยอะแยะ
7. ลดอาหารแช่แข็ง อาหารแช่แข็งตอนนี้กำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ และก็เห็นมีคนนิยมบริโภคมากขึ้นเหมือนกัน แต่ท่านรู้ไหมว่าขั้นตอนการผลิตนั้นทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก เพราะว่ากล่องที่ใส่ก็เป็นพลาสติก ขั้นตอนในการขนส่งก็ต้องเก็บไว้ในที่เย็นตลอดเวลา รวมไปถึงตอนที่อยู่ในร้านด้วย แม้กระทั่งตอนจะกินยังต้องใช้พลังงานในการอุ่นอีก เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากินเลยครับ มันสิ้นเปลืองพลังงาน กินของสดอร่อยกว่าอีก
8. ใช้จักรยาน เวลาที่ท่านไปทำธุระใกล้ๆบ้าน อาจจะไปซื้อของ จ่ายตลาด นอกจากจะประหยัดน้ำมันในยุคที่น้ำมันแพงแล้ว ยังช่วยให้ท่านได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ไม่ต้องไปเสียเงินเข้าฟิตเนสแพงๆ
9. ลดการ Shopping หลายคนนั้นการ Shopping เป็นอะไรที่มีความสุขเหลือเกิน แต่ก็ขอให้ลดการซื้อแบบสิ้นเปลืองลงบ้าง บางทีก็ซื้อๆไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็ได้ใส่แค่ครั้งสองครั้ง บางชิ้นอาจไม่ได้ใส่ด้วยซ้ำ แต่อยากซื้อ..อะไรที่คิดว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อหรอกครับ เอาแค่อันที่เราจะใส่จริงๆ เพราะว่ามันต้องใช้พลังงานมากมายในอุตสาหกรรมพวกนี้
10. ปลูกต้นไม้ ผมว่ามนุษย์ทุกคนชอบธรรมชาติ เวลาที่เราได้เห็นสถานที่ที่มีธรรมชาติงดงาม ไม่ว่าจะเป็นป่าไม่ที่เขียวชอุ่ม น้ำใสๆ ชายหาดที่ขาวสะอาด เราจะรู้สึกสบายใจและชอบมัน แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้ช่วยกันรักษามัน เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลาก็ให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ อาจจะเป็นที่สวนหน้าบ้านได้ หรือมีเนื้อที่ตรงไหนก็ปลูกตรงนั้น ใส่กระถางไว้ก็ได้ นอกจากจะทำให้บ้านดูสวยขึ้นแล้ว ยังจะช่วยลดก๊าซพิษในอากาศได้อีกด้วย
ผมเชื่อว่า 10 วิธีที่ผมยกตัวอย่างมานี้ ต้องมีมากกว่าหนึ่งข้อที่คุณสามารถทำได้ คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อ แต่ยิ่งทำมากก็ยิ่งดี แค่นี้คุณก็จะได้มีส่วนในการช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว ส่วนจะทำมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละคน และสุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่าในโลกนี้ไม่มีความสำเร็จไหนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ มีแต่ความสำเร็จเล็กๆที่รวมกันขึ้นมา จนสามารถกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นอย่านึกว่าสิ่งเล็กๆเหล่านี้ที่เราทำมันไม่มีความหมายนะครับ     

วิธีการลง Windows 8

ใส่แผ่น Windows 8 ใน DVD-Rom ของเรา จากนั้นให้มัน Boot
สำหรับบางคนที่ไม่ Boot ให้ไปตั้งค่าใน BIOS ก่อนให้มัน Bootจากแผ่นเป็นอันดับแรก แต่ถ้าใครไม่อยากตั้งก็ให้กด F10 หรือไม่ก็ F12 ตอนเิปิดคอมพิวเตอร์ดูครับ มันจะให้ทำการเลือก ลดับการBoot ณ ตอนนั้นเลย
สำหรับการเข้า BIOS ให้กด Del หรือ "." หรือถ้า Notebook ก็อาจจะเป็น F2 แต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกันครับ


1.  หลังจากที่เราใส่แผ่นแล้ว มันก็จะเข้า หน้า Loading file
install_windows8_1


2. หน้าตอนรับของ WIndows 8 Developer Preview
install_windows8_2

3.  ให้เราเลือก
Language to install : ให้เลือก English
Time and Currency format : ก็ให้เลือก English
Keyboard : ให้เลือก US
install_windows8_3


4. ให้กด Install Now
install_windows8_4


5. ให้ติ๊ก ถูก หน้า I accpet license และกด Next
install_windows8_5


6. ให้เลือก custom (Advance) เพื่อเป็นการลงwindows 8 ใหม่ครับ
install_windows8_6


7. ให้เราเลือก Drive ที่จะทำการลง WIndows 8
แต่ละสำหรับคนที่เคยลง OS เอาไว้แล้วจะมาลง Windows 8 ใหม่ ก็ให้คลิกไปที่ Drive Option ก่อนเพื่อทำการ Format Drive C เดิมที่เก็บ OS ตัวเก่าไว้ก่อนนะครับ

install_windows8_7

แต่สำหรับคนที่จะลง Windows 8 บน Harddisk ตัวนี้ ที่ยังไม่ได้ลง OS เอาไว้ก่อนก็ให้เราแบ่ง Drive  C ออกมาตามที่เราต้องการ จากนั้นก็เลือก drive นั้นแล้วกด Next เลยครับ
ในตัวอย่างผม ไฮไลทที่ Disk 0 Partion 2 แล้วกด Next
install_windows8_8


8. จากนั้นก็นั่งกินขนมรอ ลง Windows 8 ครับ และ Computer จาก Restare ตัวเอง 1ครั้ง
install_windows8_9

install_windows8_10


9. จากนั้นให้เราติ๊กถูกหน้า I accept the license ....... ,
ถ้าเราลง WIndows 8 32 bit จะไม่ขึ้นหน้านี้นะครับ จะขึ้นเฉพาะการที่เราลง Windows 8 64bit
install_windows8_11




10. ขั้นตอนนี้ให้ใส่ชื่อ PC ของเรานะครับ
install_windows8_12

11. ให้เราเลือก Use Express setting
install_windows8_13

13. ในขั้นตอนนี้ ผมสามารถแบ่งได้เป็น 2กรณีนะครับ
รณี ที่ 1 : ตอนที่เราลง Windows 8 เราไม่ได้ต่อ Internet มันก็จะให้ใส่ username account ที่เราจะใช้ตามปกติครับ
install_windows8_14



กรณีที่2 : ตอนลงเราได้เอา คอมพิวเตอร์ของเราต่อ Internet ไว้ด้วย (คือเสียบสายแลนกับ Router ตอนลง windows 8 ทำให้ คอมพิวเตอร์มัน Detect ได้ว่าคอมพิวเตอร์นี้สามารถออกinternet ได้ ) มันจะขึ้นดังรูป

มันก็จะให้ กรอก E-mail ของเี่รา : xxxx@hotmail.com
แต่้สำหรับ Account  >  @gmail.com หรือ Domain อื่นๆ เราก็สามารถกรอกได้นะครับ ถ้าเปิด Passport ของ Windows live ID
install_windows8_16

ให้เรากรอก E-mail / password เพื่อยืนยันของ account นี้
install_windows8_17

ให้เรากรอก Mobile phone ในกรณีเราเลือก Password มันจะส่งมาในมือถือของเรา
แต่ถ้าไม่อยากให้ส่งเข้ามือถือก็ให้เลือก Use an alternate email instead
install_windows8_18

จากนั้นก็ให้กรอก e-mail ที่จะให้ส่ง Password ไป ในกรณีเราลืม Password ครับ
install_windows8_19


การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP

การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยปกติ จะสามารถทำได้ 2 แบบคือ การติดตั้งโดยการอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม หรือทำการติดตั้งใหม่เลยทั้งหมด สำหรับตัวอย่างในที่นี้ จะขอแนะนำวิธีการ ขั้นตอนการติดตั้ง Windows XP แบบลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งความเห็นส่วนตัว น่าจะมีปัญหาในการใช้งานน้อยกว่าแบบอัพเกรดค่ะ
วิธีการติดตั้ง Windows XP ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังนี้
1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลือกติดตั้งจาก CD นั้นได้เลย
2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตั้ง
3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์ โดยทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดจาก CD ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ก่อนทำการติดตั้ง
ในการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ทำการวางแผนประมาณขนาดพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย โดยทั่วไปก็ไม่ควรจะใช้พื้นที่ต่ำกว่า 3G. และเนื่องจากระบบ Windows XPสามารถที่จะสร้างเมนู Multi Boot ได้หลังจากที่ติดตั้งไปแล้ว โดยยังสามารถเลือกเมนูว่า จะเรียก Windows ตัวเดิมหรือจะเรียก Windows XP ก็ได้ ดังนั้น หลาย ๆ ท่านมักจะแบ่งพื้นที่ไว้ลง Windows 98 ที่ Drive C: ประมาณ 5G. และเผื่อไว้สำหรับ Windows XP ที่ Drive D: อีกประมาณ 5G. ที่เหลือก็จะเป็น Drive E: สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากลง Windows เพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นค่ะ
การตั้งค่าใน BIOS ก่อนทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่จะต้องทำการ Disable Virus Protection ใน BIOS ซะก่อน เพราะว่าเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการป้องกัน Virus โดยการป้องกันการเขียนทับในส่วนของ Boot Area ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งค่านี้อยู่แล้ว ถ้าหากเครื่องของใครไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเมนบอร์ด บางรุ่นอาจจะไม่มีก็ได้ วิธีการก็คือ
         เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังทำ Memory Test หรือนับ RAM อยู่นั่นแหละ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL บน Keyboard เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup (แล้วแต่เมนบอร์ด ด้วยบางทีอาจจะใช้ปุ่มอื่น ๆ สำหรับการเข้า Bios Setup ก็ได้ลองดูให้ดี ๆ) จากนี้ก็แล้วแต่ว่าเครื่องของใคร จะขึ้นเมนูอย่างไร คงจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER ถ้าใช่จะมีเมนูของ Virus Warning หรือ Virus Protection อะไรทำนองนี้ ถ้าหากเป็น Enable อยู่ละก็ให้เปลี่ยนเป็น Disable โดยเลื่อนแถบแสงไปที่เมนูที่เราต้องการใช้ปุ่ม PageUp หรือ PageDown สำหรับเปลี่ยนค่าให้เป็น Disable 
กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย
มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP กันเลยค่ะเริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)
 
 ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดีคะ ก็เคาะ Enter ไปทีนึงก่อน
 
 โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไปค่ะ
 
เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
         
 หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
 
 ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
 
 เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะคะ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
 โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ค่ะ
 
 หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยค่ะ)
 
 หลังจากบูตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วค่ะ รอสักครู่
โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ ค่ะ
จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยค่ะ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้
ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ
บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ
เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วค่ะ
ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลยค่ะ นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ฃื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย